อ้อย พืชอุตสาหกรรมที่มีความสําคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย ไทยเป็นผู้ส่งออกนํ้าตาลทรายรายใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก สามารถนําเงินตราเข้าประเทศจากการส่งออกนํ้าตาลทรายปีละกว่าหนึ่งแสนล้านบาทและยังใช้ผลิตเอทานอลเป็นพลังงานทดแทนมีมูลค่าปีละหลายหมื่นล้านบาท อุตสาหกรรมอ้อยและนํ้าตาลทรายมีผู้เกี่ยวข้องมากมายตั้งแต่ระดับไร่นาถึงระดับโรงงานนํ้าตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่น ๆ เช่น การผลิตไฟฟ้า ไม้อัด กระดาษ เอทานอล สุรา ผลิตภัณฑ์อาหารและอาหาร สัตว์ เป็นต้น ก่อให้เกิดการจ้างงานมากกว่าหนึ่งล้านคนในระยะหลายปีที่ผ่านมา ราคานํ้าตาลทรายในตลาดโลกค่อนข้างสูงประกอบกับการอุดหนุนราคาจากกองทุนอ้อยทําให้อ้อยมีราคาสูงขึ้นมากจึงเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรหันมาทําไร่อ้อยเพิมขึ้นทุกปี และปริมาณอ้อยเพิมมากขึ้นสูงกว่า 100 ล้านตันต่อปี โรงงานส่วนใหญ่มีการขยายกําลังการ ผลิตเพิมขึ้นมากและยังมีการขออนุมัติตั้งโรงงานเพิมขึ้นอีกหลายแห่ง ทําให้ปริมาณวัตถุดิบที่ผลิตได้ในระดับปัจจุบันคงจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของโรงงานในอนาคต การขยายพื้นที่ปลูกอ้อยคงทําไม่ได้เหมือนในอดีต อีกทั้งอุตสาหกรรม อ้อยและนํ้าตาลทรายจะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยต่าง ๆ หลายอย่าง เอกสารนี้จะเสนอมุมมองของคณะผู้เขียนต่อทิศทางในอนาคตของอุตสาหกรรมอ้อย และนํ้าตาลทรายของประเทศไทย
อ่านรายงานฉบับสมบูรณ์ได้ที่ มองอนาคตระบบการให้ทุนสนับสนุนการวิจัยทางการเกษตร : กรณีข้าว มันสำปะหลัง และอ้อย-อารันต์ พัฒโนทัย และคณะ