

โครงการวิจัย การจัดการการเงินของครัวเรือนเกษตรกรในภาคเหนือตอนบนของไทยนี้ มุ่งศึกษาเจาะลึกถึงลักษณะการจัดการการเงิน ในด้านรายรับ การใช้จ่ายในด้านเกษตร การใช้จ่ายในครัวเรือน และการศึกษาของบุตรหลาน และการจัดการหนี้สินของครัวเรือนเกษตรกร ในระบบพืชหลัก 6 ชนิด โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
ผลการศึกษา พบว่า รายได้จากการเกษตรของครัวเรือนแตกต่างกันไปตามประเภทของการผลิต นอกเหนือจากรายได้จากการเกษตรแล้ว เกษตรกรยังมีรายได้จากงานรับจ้างนอกเกษตรด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณารายได้เกษตรจากพื้นที่ทำกินพบว่า เกษตรผสมผสานมีรายได้สูงกว่ากลุ่มครัวเรือนอื่น ๆ ส่วนด้านรายจ่ายที่สำคัญเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือน โดยเฉพาะค่าอาหาร เมื่อพิจารณาการลงทุนทางการเกษตรในรอบปี พบว่ามีสัดส่วนที่ต่ำในทุกกลุ่มครัวเรือน ยกเว้นครัวเรือนที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ส่วนรายจ่ายด้านค่าการศึกษาบุตรหลานนั้น พบว่าบางครัวเรือนมีภาระค่าใช้จ่ายส่วนนี้สูง ถึง 1 ใน 2 ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดของครัวเรือน
เมื่อพิจารณาแหล่งเงินกู้ พบว่ากองทุนหมู่บ้าน เป็นแหล่งเงินกู้ที่มีจำนวนสัญญาสูงสุด แต่เมื่อพิจารณาจากจำนวนเงิน ธ.ก.ส. เป็นแหล่งเงินกู้ที่มีจำนวนเงินกู้สูงที่สุด เนื่องจากมีการกู้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การกู้จากกองทุนในชุมชนนั้นเป็นการกู้เพื่อใช้จ่ายทั่วไป ซึ่งครัวเรือนเกษตรกรส่วนใหญ่กู้ไปเพื่อใช้จ่ายทั้งในครัวเรือน ลงทุนเกษตร และการศึกษาบุตรหลาน แหล่งสินเชื่อส่วนใหญ่เข้มงวดในการส่งคืนเงินกู้ยืมตามกำหนดเวลาและจำนวนเงิน โดยไม่เข้มงวดเรื่องการนำเงินไปใช้ตามวัตถุประสงค์ อย่างไรก็ตาม เกษตรกรส่วนใหญ่สามารถคืนเงินกู้ตามกำหนด โดยเงินคืนเงินกู้ได้มาจากทั้งอาชีพเกษตร รายได้จากแหล่งอื่น และเงินกู้ยืมจากแหล่งอื่น
ครัวเรือนเกษตรกรมีรายได้แตกต่างไปตามพืชที่ปลูก และปัจจัยด้านอื่น ๆ ที่จะนำมาซึ่งรายได้ เช่น ความพอเพียงของน้ำ ผลกระทบจากการระบาดของโรคและแมลง และสถานการณ์ราคาผลผลิต ครัวเรือนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ฟักทอง เกษตรผสมผสาน และกาแฟ มีโอกาสในการสร้างรายได้ได้ดี อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณารายได้ต่อเงินกู้ยืม พบว่าครัวเรือนที่ปลูก ฟักทอง กาแฟ เกษตรผสมผสาน และมันสำปะหลัง มีสัดส่วนรายได้ต่อเงินกู้ยืมที่สูง
การแก้ปัญหาด้านการจัดการการเงินที่สำคัญเพื่อลดภาระการกู้ยืมของเกษตรกร ควรมีการปฏิบัติ/ดำเนินมาตรการ ทั้งในระดับครัวเรือน กลุ่ม พื้นที่/ชุมชน และระดับนโยบาย อย่างจริงจังและประสานสอดรับกัน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้จ่าย การลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน (โดยเฉพาะด้านอาหาร) และการเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ของครัวเรือนเกษตรกร โดยการปรับเปลี่ยนระบบพืช และการปรับเปลี่ยนนโยบายของแหล่งสินเชื่อในด้านอัตราดอกเบี้ย รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดการออมโดยตรงจากการปลูกไม้ยืนต้นในระบบพืช และการออมแบบแอบแฝงจากรายได้เกษตรและดอกเบี้ยกู้ยืมของครัวเรือน