

ในไม่กี่วันที่ผ่าน ได้มีข่าวดีสำหรับผู้ที่สนใจในด้านโหราศาสตร์และการดูดวงเกิดขึ้น เนื่องจากนายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติได้ประกาศว่า มีมหาวิทยาลัยในไทยได้รับอนุมัติการเปิดสอนหลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการพยากรณ์และโหราศาสตร์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้จะยังไม่ได้มีการระบุอย่างชัดเจนว่าเป็นมหาวิทยาลัยแห่งใด แต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับหลักสูตรที่เป็นทางการแบบนี้ เพราะ โหราศาสตร์ถือว่าเป็นศาสตร์ที่นิยมอย่างแพร่หลายในหมู่คนไทยมาหลายยุคสมัย ฝังรากลึกอยู่ในสังคมและวิถีชีวิตของผู้คนมาอย่างยาวนาน ผู้คนจำนวนมากหลากหลายช่วงอายุและระดับการศึกษานิยมดูดวงหรือปรึกษาโหราจารย์เพื่อขอคำแนะนำในเรื่องสำคัญต่างๆ ของชีวิต ตั้งแต่การตัดสินใจเกี่ยวกับหน้าที่การงาน การเงิน ความรัก และ การเลือกวันดีในการเริ่มต้นสิ่งใหม่
นอกจากผู้คนจะใช้โหราศาสตร์ในการดูดวงตัวเองแล้ว ก็ยังมีกลุ่มคนที่ใช้โหราศาสตร์ทำนายดวงชะตาของประเทศอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่ใครฟังแล้วก็ต้องขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของของคนนั้น ๆ ด้วย
ตามความเชื่อของโหราศาสตร์ เดือนพฤษภาคมนี้เป็นช่วงเวลาที่มหาเทพ 3 องค์ ได้แก่ ดาวพระพฤหัสบดีซึ่งเป็นหัวหน้าเทวดาความดี กับมหาเทพอีก 2 องค์ซึ่งเป็นดาวบาปเคราะห์คือ ดาวพระเสาร์และดาวพระราหูจะเคลื่อนย้ายในเดือนเดียวกัน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ ส่งผลกระทบต่อชาวโลกทุกคน หากผลกระทบดังกล่าวส่งผลทางลบ ก็อาจนำโลกนี้ไปสู่กลียุคได้
แล้วแบบนี้ ภาษีทรัมป์จะถือว่าเป็นผลพวงจากการเคลื่อนย้ายดวงดาวหรือไม่ ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้นเดือนมกราแล้ว แต่ในเดือนพฤษภาคมนี้ จะมีเหตุการณ์บางอย่างมาซ้ำเติมให้สถานการณ์ย่ำแย่หรือไม่ แต่ไม่ว่าคำนายจะออกมาอย่างไร ประเทศไทยก็ต้องเตรียมตัวรับมือการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจนี้อย่างเต็มที่ ลงมือทำให้สุดความสามารถมากกว่านอนรอความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นเฉยๆ
ถึงแม้ในด้านทรัพยากร ภูมิศาสตร์ และเศรษฐกิจ ประเทศไทยยังถือว่าโชคดีอยู่บ้างที่เราสามารถผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค และปัจจัยสี่ได้หลากหลาย แต่ก็มีความเสี่ยงเรื่องการค้า การลงทุน ซึ่งมีผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและจะตามมาด้วยการชะลอตัวของตลาดนักท่องเที่ยว เนื่องจากประชาชนทุกชาติทุกภาษาเกิดความไม่แน่ใจในอนาคตต่างก็ต้องเก็บหอมรอมริบ ลดค่าใช้จ่าย จึงเป็นไปได้ที่ GDP ไทยจะลดลง เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นตลาดหลักด้านการท่องเที่ยวนั้นมีความเป็นชาตินิยมสูง จึงอาจจะลดการท่องเที่ยวต่างประเทศ และเที่ยวภายในประเทศจีนแทนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน เนื่องจากผลของภาษีทรัมป์
รัฐบาลไทยต้องหันมาคุมสติให้มั่นคงยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติระยะยาวของยุคปฏิวัติที่ล้าสมัยเป็นยุทธศาสตร์ใหม่ รวบรวมความรู้จากทุกฝ่าย เพื่อหากลยุทธ์ในการรับมือ ไม่อย่างนั้น แม้ว่าจะมีคำทำนายว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยจะรุ่งเรืองออกมา คำทำนายนั้นก็ไม่อาจจะมีถึงหากปราศจากความพยายามและการลงมือทำเพื่อไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น
สามารถอ่านผลกระทบของภาษีทรัมป์ต่อเศรษฐกิจไทยและวิธีการรับมือเพิ่มเติมได้ที่บทความหนังสือพิมพ์
โดย ศ.ดร.มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด
หรือที่เว็บไซต์
https://www.matichon.co.th/columnists/news_5172381