

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับชุดของวิกฤตการณ์ที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงกันในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่จำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันบนเวทีโลก ไปจนถึงปัญหาวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรง ทั้งจากปัญหามลพิษทางอากาศ น้ำ และการจัดการของเสีย รวมถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ขณะเดียวกัน สังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว ซึ่งสร้างแรงกดดันอย่างมหาศาลต่อระบบสาธารณสุข การคลัง และโครงสร้างทางสังคมโดยรวม นอกจากนี้ ระบบการศึกษายังคงเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ทั้งด้านคุณภาพ ความเหลื่อมล้ำ และหลักสูตรที่ไม่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกและความต้องการของตลาดแรงงาน ซึ่งวิกฤตการณ์เหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและบูรณาการ
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการบริหารงานของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ถูกมองว่ายังไม่สามารถแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นหลายมาตรการถูกมองว่าเป็นการใช้จ่ายงบประมาณที่ไม่ตรงจุดและอาจไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืนตามที่คาดหวัง แทนที่จะมุ่งเน้นการลงทุนเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน การปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐาน หรือการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำอย่างจริงจัง ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมยังคงชะลอตัว ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและนักลงทุนยังไม่กลับคืนมาเต็มที่ ซ้ำเติมวิกฤตการณ์เดิมๆ ที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่
ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของคนแทบทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มคนชั้นกลางที่ยังคงต้องทำงานท่ามกลางสภาวะกดดันจากการแทรกแซงตลาดแรงงานของ AI พื้นที่สำหรับแรงงานที่ไม่ยอมพัฒนาและเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ไปพร้อมกับการใช้ AI เริ่มลดน้อยลงไปทุกที
คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าปัจจุบันนี้ ประเทศไทยเข้าสู่วิกฤตอย่างแท้จริง ทุกคนในประเทศไม่อาจอยู่เฉยเพื่อรอการเปลี่ยนแปลงที่ปราศจากการลงมือทำได้อีกแล้ว
สามารถอ่าน 5 วิกฤตสำคัญที่ส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อประเทศไทยได้ที่บทความ
"ประเทศไทยและผู้นำในพหุวิกฤติ ที่ฉุดประเทศจมดิ่งเรื่อยๆ"
โดย ศ.ดร.มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด
หรือที่เว็บไซต์ https://www.bangkokbiznews.com/news/news-update/1178969