เมื่อเราก้าวข้ามจากยุคของภาวะโลกร้อนไปสู่ยุคของภาวะโลกเดือด ทุกภาคส่วนซึ่งรวมถึงภาคเศรษฐกิจ จะต้องให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต การดำเนินงาน และการกำหนดนโยบาย การปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่นี้สะท้อนให้เห็นได้จากเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (ESG) ที่เพิ่มขึ้น เพื่อที่เตรียมการไปสู่เป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในอนาคตอันใกล้ ดังนั้น ภาคธุรกิจจึงต้องปรับเปลี่ยนการดำเนินงานที่มุ่งเน้นผลกำไรไปสู่การนำแนวคิดความยั่งยืนมาใช้ในการดำเนินงานให้มากขึ้น
ธุรกิจเพื่อสังคมได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อย ๆ ในบทบาทขของการแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยในประเทศไทย มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯและมูลนิธิอุ่นใจ เป็นตัวอย่างของธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้แก่ชุมชนที่ร่วมทำธุรกิจและบรรเทาปัญหาภาวะโลกร้อน (จนเดือด) ไปได้พร้อมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
สามารถอ่านเรื่องราวที่น่าสนใจนี้เพิ่มเติมได้ในบทความ "ดุลยภาพ ดุลยพินิจ : ธุรกิจเพื่อสังคมกับการมีส่วนร่วมของชุมชน ในการรับมือกับโลกเดือด"
โดย ศ. ดร.มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด
ที่ https://www.matichon.co.th/article/news_4960866